วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

น้ำตกตาดหมอก-น้ำตกสองนาง จ.เพชรบูรณ์

            น้ำตกตาดหมอก และน้ำตกสองนาง เป็นน้ำตกสองแห่งในอุทยานแห่งชาติตาดหมอก เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญและสร้างชื่อเสียงให้กับอุทยานแห่งนี้ น้ำตกทั้งสองแห่งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก มีความโดดเด่นไปคนละแบบ
น้ำตกตาดหมอก
      ต้น กำเนิดจากเขาตาดหมอก เป็นน้ำตกสูงเด่นไหลลงจากหน้าผาสูงมีชั้นเดียวโดดๆ ความสูงประมาณ 200-300 เมตร สายน้ำที่โจนลงมาจากหน้าผาสูงทำให้สายน้ำแตกกระจายเป็นละอองน้ำคละคลุ้งไป ทั่ว ยิ่งในช่วงฤดูฝนที่มีปริมาณน้ำมาก ละอองน้ำจะฟุ้งกระจายจนไม่สามารถยืนอยู่ใกล้น้ำตกได้ อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติไปตามทางถนน 7 กิโลเมตร แล้วเดินลัดเลาะไปตามลำห้วยอีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะถึงน้ำตก ทางช่วงสุดท้ายเป็นทางขึ้นเขาชัน
 น้ำตกสองนาง
       เป็นน้ำตกที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง เพราะสายน้ำจะไหลผ่านโขดหินลดหลั่นกันลงมาทั้งหมด 12 ชั้น แต่ละชั้นสูงต่ำไม่เท่ากัน มีตั้งแต่ชั้นที่สูงเพียง 5 เมตร และชั้นที่สูงถึง 100 เมตร ไหลลงสู่คลองห้วยบง สู่เขื่อนบ้านเฉลียงลับ สิ้นสุดที่แม่น้ำป่าสัก น้ำตกตั้งอยู่บนเส้นทางเดียวกับน้ำตกตาดหมอก โดยมีทางแยกไปน้ำตกสองนางก่อนถึงน้ำตกตาดหมอก
อุทยานแห่งชาติตาดหมอก ครอบคลุมพื้นที่อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ จังหวัดเพชรบูรณ์ เนื้อที่ประมาณ 181,250 ไร่ หรือ 290 ตารางกิโลเมตร มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญและมีค่า เช่น พันธุ์ไม้ ของป่า สัตว์ป่านานาชนิด ตลอดจนทิวทัศน์ ป่า ภูเขา และน้ำตกที่สวยงามยิ่ง สิ่งอำนวยความสะดวก เช่น บ้านพัก ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ห้องน้ำ - ห้องสุขา ที่จอดรถ ลานกางเต็นท์ เปิดให้บริการบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ (ห้วยบง) ซึ่งอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติ 9 กิโลเมตร


น้ำตกป่าละอู จ.ประจวบฯ

          ตั้งอยู่ในเขตป่าละอู มีพื้นที่ประมาณ 273,125 ไร่ อุดมไปด้วยป่าไม้เขียวชอุ่ม และสัตว์ป่านานาชนิดอีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของชาวกะเหรี่ยงจำนวนหนึ่งด้วย ป่าละอูจัดอยู่ในเขต อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มีหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ป่าละอู ของกรมป่าไม้ ตั้งอยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำก่อนถึงตัวน้ำตกประมาณ 2 กม.
น้ำตกป่าละอูประกอบด้วยน้ำตกละอูใหญ่ และน้ำตกละอูน้อย ซึ่งไหลลดหลั่นกันมาอย่างสวยงามถึง 11 ชั้น สามารถลงเล่นน้ำได้ ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวอยู่ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเมษายน  
        น้ำตกป่าละอู   ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สวยงาม บรรยากาศเงียบสงบ มีน้ำตลอดทั้งปี มีจุดที่สามารถลงเล่นน้ำได้อย่างปลอดภัย เนื่องจากบริเวณน้ำตกปกคลุมด้วยป่าทึบ จึงมีฝนตกเกือบทุกวัน ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวมากที่สุดคือระหว่างเดือน สิงหาคม ถึง มีนาคม เพราะจะมีน้ำมาก และฝนเริ่มทิ้งช่วง การเดินทางไม่ลำบากมาก ในฤดูหนาวอุณหภูมิเคยลดต่ำสุดถึง 6 องศาเซลเซียส น้ำตกชั้นแรก ๆ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก จากชั้นที่ 5 เป็นต้นไปมีขนาดสูงใหญ่ขึ้น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะชมความงาม ของน้ำตก ถึงบริเวณชั้น 7 เท่านั้น เนื่องจากน้ำตกแต่ละชั้นสูงชัน ต้องปีนป่ายพอควร จากชั้นที่ 7 เป็นทางสามแพร่ง หากไปทางขวาจะไป น้ำตกคลองปราณ ใช้เวลาเดินประมาณ 1 วันจึงจะถึง หากไปทางซ้ายจะเข้าเขตป่าละอูซึ่งเป็นถิ่นอาศัยของชาวกะเหรี่ยง กะหร่าง จากน้ำตกชั้นที่ 15 ไปอีกไม่ไกลจะถึงเขตพรมแดนไทย-พม่า
         ด้วยสภาพธรรมชาติที่ยังคงความสมบูรณ์ ทำให้น้ำตกป่าละอูเป็นแหล่งสัตว์ป่าหายากจำนวนมาก เช่น ช้างป่า กระทิง เสือดาว เลียงผา เป็นต้น สัตว์ที่พบเห็นได้ง่ายคือชะนีและค่าง นอกจากนี้นักท่องเที่ยวที่ชอบดูนก ยังสามารถดูนกระหว่างทางไปป่าละอูและ บริเวณน้ำตก นกที่พบเห็นได้ เช่น นกขุนแผนหัวแดง นกบั้งรอก นกหัวขวานใหญ่สีเทา นกคัดคูหางแพน เป็นต้น












วันอาทิตย์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2555

น้ำตกเอราวัณ จ.กาญจนบุรี

น้ำตกเอราวัณ เป็นน้ำตกที่ใหญ่และสวยงาม บนฝั่งแม่น้ำแควใหญ่ ตั้งอยู่ที่ อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นน้ำตกที่มีระยะทางยาวประมาณ 1,500 เมตร ติดต่อกัน ซึ่งแบ่งออกเป็นชั้นๆ ได้ 7 ชั้นเป็นน้ำตกขนาดใหญ่เดิม มีชื่อว่า น้ำตกสะด่องม่องลาย ตามชื่อลำห้วยม่องล่ายซึ่งเป็นต้นน้ำของน้ำตกที่เกิดจากยอดเขา ตาม่องล่ายใน เทือกเขาสลอบ สายน้ำจะไหลมาตามชั้นหินเป็นระยะทางประมาณ 1,500 เมตร แบ่งออกเป็นชั้นใหญ่ๆได้ 7 ชั้น แต่ละชั้นมีีความสวยงามร่มรื่นไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ ทั้งเถาวัลย์พันเกี่ยวทอดตัวไปบนต้นไม้ใหญ่ กล้วยไม้ป่า หลายชนิดบนคาคาคบไม้ สายธารน้ำที่ไหลตกลดหลั่นลงมาบนโขดหินสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง เสียงสาดซ่า คลอเคล้า ด้วยเสียงเพรียกของนกป่า ทำให้สภาพความเป็นธรรมชาติสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น นับเป็นบรรยากาศที่เรียกเอาความมี คุณค่าของป่าเขาลำเนา ไพรซึมซับเข้าสู่อารมณ์ของผู้ใฝ่ความสันโดษ และรักธรรมชาติโดยแท้จริง ในชั้นที่ 7 อันเป็นชั้นบนสุดของน้ำตกลักษณะของน้ำตกชั้นที่ 7 ลักษณะสายน้ำไหลบ่า มองดูคล้ายกับหัวช้างเอราวัณซึ่งมี 3 หัว จึงกลายมาเป็นที่มาของชื่อน้ำตก จนคนทั่วไปรู้จักและขนานนามว่า “น้ำตกเอราวัณ
           สิ่งที่รู้สึกได้เมื่อมาถึงยังบริเวณน้ำตก คือความเย็นสบายแต่เมื่อได้เห็นตัวน้ำตกก็ต้องตะลึงในความงามของตัว น้ำตกที่น้ำใสแจ๋ว มองเห็นตัวปลาแหวกว่ายไปมาใต้ผืนน้ำที่สะท้อนแสงเป็นสีฟ้าอมเขียวมรกตคล้ายน้ำใน สระว่ายน้ำ ที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องมาจากลักษณะของภูเขาใน อุทยานฯเอราวัณ เป็นเป็นเทือกเขาหินปูนที่เกิดจาก การทับถมของ เปลือกหอย ปู หรือปะการังดังนั้นน้ำตกเอราวัณที่ไหลมาจากเทือกเขาหินปูนจึงมีสารละลายของ แคลเซียมคาร์บอเนต เจือปนอยู่ ซึ่งแคลเซียมคาร์บอเนตนี้จะตกตะกอนในบริเวณที่มีน้ำไหลช้าหรือเป็นแอ่งน้ำ ทำให้ชั้นน้ำตกมีคราบหินปูนก่อตัว และหินปูนนี้สามารถละลายน้ำได้ดี เมื่ออยู่ในรูปของสารละลายก็สามารถ ตก ตะกอนได้ น้ำตกหินปูนจึงมีน้ำใสในตอนบน และมีการตกตะกอนขุ่นในช่วงล่างของธารน้ำ เมื่อแสงส่องลงมาจะ ทำให้สะท้อนเป็นสีฟ้าหรือสีเขียวมรกตสวยงามมาก
             น้ำตกชั้นแรกมีชื่อว่า"ไหลคืนรัง"ชั้นต่อมาชื่อ"วังมัจฉา" ชั้นที่ 3 "ผาน้ำตก" ชั้นที่4"อกผีเสื้อ" ชั้นที่ 5 "เบื่อไม่ลง" ชั้นที่ 6"ดงพฤกษา" และชั้นสุดท้ายชื่อว่า "ภูผาเอราวัณ"โดยน้ำตกแต่ละชั้นไม่ใช่มีแค่ชื่อที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น แต่น้ำตกแต่ละชั้นก็มีความสวยงามที่แตกต่างกันออกไป สำหรับท่านที่ต้องการเยี่ยมชมน้ำตกทั้ง 7 ชั้นจาก การสอบถามจากเจ้าหน้าที่จะต้องใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการขึ้น - ลง






วันจันทร์ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สถานที่ท่องเที่ยว จ.ราชบุรี น้ำตกเก้าโจน

     น้ำตกเก้าชั้น หรือ เก้าโจน (เก้ากระโจน) ตั้งอยู่ที่บ้านห้วยผาก หมู่ 7 ตำบลผาผึ้ง เลยจาก ธารน้ำร้อนบ่อคลึง ไปประมาณ 1 กิโลเมตร  เป็นน้ำตกขนาดกลาง นับรวมได้ 14 ชั้น ระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตร แต่สามารถท่องเที่ยวได้ 9 ชั้น เนื่องจากชั้นบนเป็นเขาสูงชันและเหวลึก
น้ำตกมีน้ำตลอดปี ปริมาณน้ำจะมากในชั้นบนๆ  หินบริเวณน้ำตกเป็นหินแกรนิต แต่เดิมน้ำตกนี้รู้จักกันเฉพาะในกลุ่มชาวกะเหรี่ยง ต่อมาบริษัทต่างชาติเข้ามารับสัมปทานเหมืองแร่ (ชาวกระเหรี่ยงเรียก เหมืองนายห้างฝรั่ง) เมื่อประมาณปี
พ.ศ. 2484  ต่อมาเมื่อหมดสัมปทาน ทางอำเภอและกลุ่มองค์กรท้องถิ่นจึงได้เข้ามาดูแลพื้นที่
      ที่มา คำว่าเก้าโจน มาจากคำว่า 9 กระโจน อาจเป็นเพราะมีน้ำตกอยู่ 9 ชั้น แต่ละชั้นไม่ไกลกันมาก จึงเปรียบเหมือนกับว่ากระโจนเพียง 9 ครั้ง ต่อมานักท่องเที่ยวรู้จักมากขึ้น เกิดการเข้าใจผิดว่าชื่อ “น้ำตกเก้าโจร” ฟังดูเหมือนแหล่งซ่องสุมของโจร จึงเปลี่ยนเป็นชื่อน้ำตกเก้าชั้นแทน
      การเดินไปชมน้ำตก จากลานจอดรถเดินเท้าต่อไปอีกประมาณ 500 เมตร จะถึงบริเวณน้ำตกชั้นล่าง ซึ่งสามารถเดินเท้าขึ้นไปถึงชั้นสุดท้ายได้ระยะทางประมาณ 4.8 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง ค่าเข้าชม รถยนต์ รถตู้ รถปิกอั๊พ คันละ 30 บาท รถบัส 100 บาท
      เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ มีความยาวประมาณ 4.8 กิโลเมตร ถ้าเดินอย่างช้าๆจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง 50 นาที ระหว่างเส้นทางจะได้พบเห็นสภาพป่าเบญจพรรณริมลำธารบ่อคลึง อันร้อนและแห้งแล้ง ประกอบด้วยพรรณพืชและสัตว์ป่าบริเวณ ทือกเขาตะนาวศรี ตอนกลาง สภาพธรณีน้ำพุร้อน (Hotsprings) และเหมืองดีบุกร้าง
      สัตว์ป่าที่ยังพอมีอยู่บ้าง เก้ง, กวาง, ไก่ป่า, ไก่ฟ้าพญาลอ, หมูป่า, กบฑูต (กบภูเขา), นกตะขาบ, นกปรอท, ปลาในน้ำตก เช่น ปลาพลวง
อากาศบริเวณนี้จะร้อนมากระหว่างเวลา 12.00-15.00 น. เวลาที่เหมาะในการเดินศึกษาธรรมชาติควรเป็นเวลาเช้าช่วง 6.00-10.00 น. และเวลาเย็น 16.00-18.00 น. เท่านั้น


สถานที่เที่ยว จ.ราชบุรี ตลาดน้ำดำเนินสะดวก

            ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมากของราชบุรี เปิดตัวสู่สายตาชาวโลกในฐานะแหล่ง ท่องเที่ยวครั้งแรก    ในภาพของตลาดลอยน้ำที่คราคร่ำไปด้วยเรือพายลำย่อมบรรทุกสินค้าที่ี จำเป็น ต่อการครองชีพ พ่อค้าแม่ค้าสวมเสื้อผ้าโทนสีเข้มแบบชาวสวน ใส่หมวกงอบใบลาน พายเรือเร่ขายแลก เปลี่ยนสินค้า ในยามที่เส้นทางคมนาคมทางน้ำเป็นหัวใจหลัก ปัจจุบันได้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่าง ประเทศเข้ามา เที่ยวชมวิถีชีวิต และการค้าขายในตลาดน้ำแห่งแห่งนี้เป็นจำนวนมาก ตลาดน้ำดำเนินสะดวก เป็นตลาดเก่าแก่นับร้อยปี ซึ่งได้ขุดคลองดำเนินสะดวกขึ้นตามพระราชดำริของสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ด้วยทรงเห็นว่าการคมนาคม ในท้องถิ่นนี้ไม่มีถนนที่เชื่อมกับอำเภออื่นๆ ส่วนมากใช้เรือเป็นพาหนะ โดยคลองนี้จะ เชื่อมแม่น้ำท่าจีน และแม่น้ำแม่กลอง เข้าไว้ด้วยกัน ใช้เวลาขุดประมาณ สอง ปี ที่มาของชื่อ  คลองได้รับพระราชทาน จากรัชกาลที่ 5
           ในอดีตตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นศูนย์รวมในการค้าขาย พืชผักและผลไม้ตามฤดูกาลจากเรือกสวนไร่นาของ เกษตรกรในย่านนั้น แต่ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวกเป็นกึ่งตลาดบกตลาดน้ำ คือ มีของขายทั้งบนบกและในเรือ มา เที่ยวที่ตลาดนี้ ไม่ต้องกลัวว่าจะร้อน เพราะมีทางเดินที่มีหลังคาตลอดสองฝั่งของตลาด จึงทำให้เดินเที่ยวชม ตลาดได้ อย่างสบาย ๆ คลองนี้เป็นคลองที่คนใน จ. ราชบุรี จ.สมุทรสาคร และ จ.สมุทรสงคราม ไปมาหาสู่กัน มีความหมาย ตรงกับชื่อ “ดำเนินสะดวก” คือ การเดินทางสะดวก แม้ทุกวันนี้ จุดประสงค์เริ่มแรกจะเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ยังมี พ่อค้าแม่ค้า และนักท่องเที่ยว เดินทางไปอย่างล้นหลาม ปัจจุบันตลาดน้ำดำเนินสะดวก จึงเปรียบเสมือน เป็นที่นัดของเรือร้อยๆลำเพื่อชุมนุมขายสินค้าการเกษตร และสินค้าหัตถกรรมพื้นเมืองตลอดจนร้านขายของ ที่รับจากโรงงานในกรุงเทพหรือจากต่างจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศแล้วคลองที่เต็มไป ด้วยสินค้าทุกชนิดที่เขาตื่นตาตื่นราคาเป็นสิ่งมหัศจรรย์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว